Kimi no Suizo wo Tabetai : ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ

Kimi no Suizo wo Tabetai : ตับอ่อนจะเป็นไงก็ช่าง เตรียมตับของคุณไว้ให้พร้อมละกัน


จาก Light Novel มาสู่ Live Action ที่มีกระแสตอบรับแซงหนังโทนเดียวกันอย่าง Tomorrow I will Date with Yesterday's you และ 100th love with you ในญี่ปุ่นและที่ไทยก็เริ่มฉายจริง ๆ วันนี้วันแรก ซึ่งหลังจากที่ได้ข่าวว่าจะเข้ามาฉายในไทยหลาย ๆ คนที่เคยได้รับชม 2 เรื่องก่อนหน้านี้มาก็คาดหวังไว้ และหลาย ๆ คนที่รอดูเรื่องนี้ก็ขอบอกได้เลยว่า ไม่ผิดหวัง เลยแม้แต่น้อย



เนื้อเรื่องย่อ ๆ ก็เป็นเรื่องราวของ "ชิงะ" (น่าจะประมาณนี้ เพราะทั้งเรื่องแทบไม่ได้ยินชื่อเลย) เด็กหนุ่ม ม.ปลาย ที่ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ยุ่งกับใคร พูดง่าย ๆ ว่าไม่สนใจอะไรเลยหมกตัวอยู่กับหนังสือ แต่ก็ได้มาพบกับ "ยามาอุจิ ซากุระ" เด็กสาวเพื่อนร่วมชั้นที่ยิ้มแย้ม อารมณ์ดี เป็นมิตรกับทุกคน ดูภายนอกแล้วเธอก็เป็นแค่เด็กสาวธรรมดา ถ้าไม่ติดที่ว่าพระเอกของเราได้ไปรู้ความจริงที่ว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงแค่ไม่กี่ปีเท่านัั้น จึงเป็นเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ได้รู้จัก และสนิทกันมากขึ้นแต่สายสัมพันธ์มันไม่ได้ยื้อชีวิตของเธอไว้ จนผ่านมา 12 ปี พระเอกคนดีคนเดิมก็ได้กลับมาเป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนเดิม และได้รับหน้าที่ดูแลห้องสมุดและได้พบกับบางสิ่งที่ซากุระทิ้งไว้ให้ เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยบอกใครไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรู้สึกหรือเพียงความทรงจำ ลองไปติดตามกันดูในโรงละกัน



สิ่งที่ชอบของหนังเรื่องนี้ก่อนเลยคือมันเป็นเรื่องราวการเล่าที่เข้าใจง่ายกว่าเรื่องที่เคยฉายมาอย่าง Tomorrow I will Date with Yesterday's you และ 100th love with you ที่เป็นการเล่นประเด็นเกี่ยวกับเรื่องของเวลาที่อาจจะทำให้หลาย ๆ คนสับสน แต่เรื่องนี้เป็นเหมือนกับการฟังเรื่องเล่าของคนที่เคยประสบพบเจอกับเหตุการณ์นี้แล้วนำมาเล่าให้ฟังอีกที ทำให้เราไม่ต้องมานั่งหาไทม์ไลน์เรื่องมากนัก และสิ่งที่เราจะได้เห็นอย่างชัดเจนสุด ๆ เลยคือพัฒนาการของตัวละครหลาย ๆ ตัว โดยเฉพาะตัวของ "ชิงะ" พระเอกของเรื่องที่ค่อย ๆ เปิดใจยอมรับคนอื่นเข้ามามากขึ้น จากเดิมที่ไม่เปิดรับใครทั้งนั้น การใช้ชีวิตแบบเหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้ายของ "ซากุระ" มันทำให้เรารู้สึกอยากจะไปใช้ชีวิตให้ได้อย่างนี้จริง ๆ (แต่อย่าเพิ่งตายนะ) รวมไปถึงแนวความคิดในการดำรงชีวิตและเป้าหมายชีวิต ที่บางครั้งมันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดี มีสาระเท่าไหร่ แต่ก็สามารถทำให้เราเป็นสุขได้ ซึ่งมันก็เป็นส่วนที่สุดยอดของหนังที่ทำให้คนดูหลาย ๆ คนได้หัวเราะ ได้ยิ้ม และที่ต้องชมเลยคือการวางเรื่องที่สามารถดึงอารมณ์คนได้ถูกจังหวะ เพลงประกอบที่ตอนแรกฟังแล้วมีความสุขอยู่แต่แค่เปลี่ยนโน๊ตนิดเดียวก็ทำให้เรารู้สึกได้ถึงปัญหาเลย แสง สี ในแต่ละช่วงของหนังก็สวยเลยทีเดียว และแต่ละปมแต่ละปัญหาในเรื่องก็จะค่อย ๆ คลี่คลายในตอนท้าย และการหยิบส่วนเล็ก ๆ ที่ดูเผิน ๆ เหมือนพูดลอย ๆ มาเล่นก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมได้ลุ้นไปกับหนังว่ามันจะเป็นอย่างที่เราคิดหรือเปล่า


ส่วนที่เราคิดว่าไม่ชอบในหนังเรื่องนี้มันอาจจะเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัวที่คิดว่าเพลงประกอบของหนังเนี่ยถ้าเทียบกับ 2 เรื่องก่อนหน้านี้ที่บอกไปแล้วมันอาจจะเทียบไม่ได้ ส่วนตัวนะ ค่อนข้างชอบของ 2 เรื่องก่อนมากกว่า และประเด็นที่หยิบมามันทำให้เราเดาได้ว่าบทสรุปมันจะเป็นยังไง แม้ว่าจะเป็นจุดพลิกหลาย ๆ จุดแต่ส่วนตัวมันค่อนข้างจะเดาได้ เลยทำให้ไม่ค่อยชอบตรงนี้นิดนึง แนะนำว่าตอนดูอย่าไปคิดอะไรหรือรู้ทันหนังมากอารมณ์จะหายไปเยอะเลย 555555


สำหรับเรื่องนี้มันทำออกมาได้สมบูรณ์ลงตัวแล้ว ในส่วนที่ไม่ชอบมันคือส่วนตัวล้วน ๆ ซึ่งตัวหนังอาจไม่ได้เรียกน้ำตาขนาดนั้นแต่ก็ทำให้เราได้อินไปกับทุก ๆ ตัวละครจริง ๆ โดยเฉพาะพระเอกที่เหมือนเอาตัวผมไปแสดงในหนัง (อีกแล้ว) แต่พระเอกนี่ในความรู้สึกคือหน้าตาเหมือน เก้า จิรายุ มากเลยนะ เรื่องนี้ให้แนวคิด ความคิด และอีกหลาย ๆ อย่างที่ทำให้คนดูได้อิ่มใจแน่นอน ได้ลุ้นไปกับทุกเรื่องราว และจะได้เข้าใจในทุก ๆ อย่างที่หนังอยากจะสื่อแน่นอน ส่วนตัวให้ 9/10 แล้วคุณล่ะดูแล้วรู้สึกยังไง ชอบหรือไม่ ลองมาบอกเล่าให้ฟังกันหน่อยนะ



"สำหรับเธอ... ชีวิตคืออะไร?"

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เปลี่ยนอารมณ์รักเป็นอารมณ์บู๊ ก็ลองอ่านดูนะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Kamen Rider Amazons 2016 Season 1

Kids on the slope : เพลงแรก รักแรก จูบแรก

Kamen Rider W