หนังสั้นชุด "ของขวัญ"
ของขวัญ : 4 เรื่องราวที่ทำให้คิดถึงพ่อ
"ของขวัญ" เป็นการนำหนังสั้น 4 เรื่องราว 4 มุมมองของแต่ละผู้กำกับ มาส่งต่อข้อคิดและอะไรดี ๆ โดยแต่ละเรื่องอาจจะให้อารมณ์ มุมมอง และแนวคิดที่ไม่เหมือนกัน แต่ทุกเรื่องได้รับแรงบันดาลใจจากจุดเดียวกัน และจัดทำรวมถึงส่งต่อเป็นเหมือนของขวัญให้กับคนที่ไปดู
-- สปอยล์นิดหน่อย แต่ก็อยากให้ไปดูเองนะ--
โดยเรื่องแรกที่ถูกฉายออกมาเป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่มีฐานะค่อนข้างไปทางยากจนจนหลาย ๆ ครั้งทางเลือกในชีวิตอาจจะไม่ได้เป็นทางเลือกที่ดีนักและหลาย ๆ อย่างอาจจะไม่ได้สวยงามเท่าไหร่ แต่ในเรื่องที่มันไม่ดี ก็ยังมีอะไรดี ๆ อยู่เสมอ โดยความรู้สึกส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่เรื่องนี้ต้องการจะสื่อจริง ๆ คือ "การยืนหยัดในความดี" แม้ว่าหลาย ๆ ครั้งมันอาจจะมีสิ่งไม่ดีล้อมรอบคอยล่อตาล่อใจ แต่ก็ขอให้ยืนหยัดในความดีของตนเอาไว้ แม้ว่าในหนังสั้นเรื่องนี้จะมีการนำประเด็นสังคมหลาย ๆ อย่างมากัดจิกบ้าง รวมถึงการกระทำหลาย ๆ อย่างที่ส่งผลย้อนแย้ง แต่อีกอย่างที่ยังคงแฝงไว้ในเรื่องคือ "ครอบครัว" จะอยู่กับเราเสมอ แต่เรื่องราวจะนำเสนอยังไงให้ไปชมกันเองนะสำหรับเรื่องแรก "ดอกไม้ในกองขยะ"
เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่น นิสิต นักศึกษาที่ต้องไปจัดค่ายกิจกรรมจิตอาสาปลูกป่ากว่า 10 ไร่บนดอย โดยพวกเขาเชื่อว่าเป็นการหยิบยื่นสิ่งดี ๆ ให้ชาวบ้าน แต่ก็ใช่ว่าชาวบ้านจะต้องการ และยังมีการแฝงเรื่องราวรักเล็ก ๆ แบบวัยรุ่นให้ได้ดูกันนิดหน่อย โดยหลังจากที่ได้ชมเรื่องนี้ ผมคิดว่าสิ่งที่ผู้กำกับต้องการจะสื่อให้เห็นคือ "การทำความเข้าใจกัน" หลาย ๆ ครั้งที่การกระทำของเราที่คิดว่าดี ใช่ว่าคนอื่นจะคิดว่าดีด้วย ก็จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจกันก่อน ไม่ใช่เรื่องของการจะไปยัดเยียดอะไรให้ใคร รวมไปถึงเรื่องของ "ความเห็นแก่ตัว" ที่มันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนว่าจะมองมุมนี้ว่ายังไง บางคนก็ต้องการให้สิ่งที่ดีกว่า บางคนอาจจะต้องการแค่ให้มันผ่าน ๆ ไป บางคนก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรใหม่ เพียงต้องการหาเลี้ยงชีพตนเอง แต่เรื่องนี้ก็ยังย้ำให้เราได้รู้ว่า ถึงแม้จะมีอะไรไม่ได้ดั่งใจแต่ก็ขอให้ยืนหยัดในการทำความดีเอาไว้ มันอาจจะไม่เห็นผลในตอนนี้ อาจต้องใช้เวลาเป็นปีถึงจะเห็นอะไรที่ดีกว่าเดิมได้ เหมือนกับที่คนบางคนใช้เวลากว่า 70 ปีเพื่อเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวบ้านไม่ว่าจะใกล้จะไกล ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สำคัญที่สุดคือต้องยืนหยัดเข้าไว้ เรื่องนี้ถ้าอยากจะเข้าใจมากขึ้นก็ดู "เมฆฝนบนป่าเหนือ"
เรื่องที่ 3 เป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนนึงที่ตามหาเรื่องราวของพ่อตัวเอง ที่เป็นลูกของกลุ่มก่อการร้ายทางใต้ คนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนที่คอยแบ่งแยกดินแดน เรื่องจะออกไปทางเศร้า ๆ หน่อย ซึ่งสิ่งที่ผมสัมผัสได้จากเรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องของการ "ตัดสินคน" ที่บางครั้งสิ่งที่ได้ยินมา สิ่งที่คิด กับสิ่งที่เป็นมันอาจจะไม่ได้เป็นไปอย่างนั้น เรื่องของ "ความเชื่อ" ที่บางครั้งมัันก็เป็นอะไรที่สำคัญนะ การสะท้อนสังคมก็เป็นอีกเรื่องนึงที่ผู้กำกับทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าบางครั้ง "คำพูดกับการกระทำ" มันไม่ได้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ปากพูดอย่างแต่การกระทำกลับเป็นไปอีกอย่าง ซึ่งก็เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในโซเชี่ยลช่วงนี้อย่างมาก และเรื่องราวก็ทั้งหมดก็จะจบลงด้วยคำว่า "ความเข้าใจ" แต่มันจะออกมาเป็นยังไงก็ลองไปดู "สัจจะธรณี"
เรื่องสุดท้ายโดยส่วนตัวชอบเรื่องนี้ที่สุด เป็นเรื่องราวของเด็กคนนึงที่ต้องการจะส่งจดหมายไปให้ถึง "พ่อ" ที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนจึงคอยติดตามจดหมายของตัวเองไปจนเกิดเป็นการผจญภัยของเด็กคนนี้ ความรู้สึกที่เราสัมผัสได้จากเรื่องมันคือความอิ่มใจ แม้ว่าในการผจญภัยของเด็กคนนี้จะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายในมุมมองของผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กกลับไม่ใช่เรื่องที่เขาคิดมากขนาดนั้น ตัวหนังเลือกที่จะเล่าเรื่องผ่านการกระทำมากกว่าบทพูดที่มากมาย จึงแทบจะไม่มีบทพูดเลย แต่เราก็สามารถเข้าใจการกระทำของตัวละครได้ โดยจดหมายที่เด็กคนนี้ส่งไปถึง "พ่อ" ที่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ผมตีความหมายเองว่าเป็น "ความคิด" ละกัน ความคิดนึงที่อยากจะส่งให้ถึงคน ๆ นึงที่อยู่แสนไกล โดยที่บางครั้งเราก็ไม่อาจรู้ได้หรอกว่าจะส่งไปถึงไหม และอาจจะไม่ใช่เราเพียงคนเดียวที่อยากจะส่งความคิดถึงนี้ไป ยังมีอีกหลาย ๆ คนที่คิดเหมือนกับเรา และสิ่งที่หนังได้แสดงออกมาให้เราได้เห็นสุดท้ายเด็กก็ยังเชื่อว่าจดหมายของเขาจะส่งไปถึง "พ่อ" ที่อยู่ไกลแสนไกลได้ และสุดท้ายจดหมายทุกฉบับที่มีมาถึง "พ่อ" ก็ถูกส่งไปถึง "พ่อ" จริง ๆ ถ้าให้เทียบก็คงจะเหมือนกับความคิดของเราที่ต้องการจะส่งให้ "พ่อ" ที่อยู่บนฟ้า "พ่อ" ได้รับทุกความคิดถึงของเราไปแล้ว ขอให้ทุกคนก้าวต่อไปอย่างมีรอยยิ้ม มีพลัง และมีความหวัง อะไรประมาณนี้ โดยความรู้สึกผมนะ แต่สำหรับคุณ ๆ จะเป็นยังไง ก็ลองชม "The Letter"
สำหรับเรื่องสั้นชุด "ของขวัญ" ก็สามารถรับชม "ฟรี" ได้ที่โรงภาพยนตร์ของ Major cineplex นะครับ ก็ลองเลือกรอบดี ๆ เป็นหนังชุดที่ผมเชื่ือว่ามีคุณค่าไม่ทางใดก็ทางหนึ่งให้กับคนไทยทุกคนในช่วงเวลานี้เลย ก็อยากให้ไปรับชมกันดูนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น