Wonder woman : วันเดอร์วูแมน
Wonder woman : รักชีวิต อย่าคิดสู้มนุษย์(?)เมีย
หลังจากกระแสหนัง Super hero ของทางค่ายมาร์เวลออกมาอย่างหนักและได้รับความนิยมมาก จนทางค่าย DC ทนไม่ได้ต้องส่งคู่หูฮีโร่ออกมาเรียกเสียงเรตติ้ง(?) และจัดกองกำลังทีมวายร้ายมาท้าชน แต่กระแสหนังก็ยังอยู่กับมาร์เวลอยู่ ด้วยเสียงวิจารณ์หลาย ๆ ด้านรวมทั้งโทนของหนังที่ออกจะเข้าใจยากสำหรับคนดูในเรื่องก่อน ๆ wonder woman ถือว่าเป็นเรื่องที่ส่งมากู้สถานการณ์ ณ ปัจจุบันของค่ายหนัง DC เป็นอย่างมาก ทั้งด้านความชอบและคำวิจารณ์ที่ไปในทางที่ดีขึ้น ถ้าไปเทียบกับเรื่องมาร์ธา(?) และทีมโจ๊กเกอร์ (เหรอ) และน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นจริง ๆ สักทีของหนัง DC และ Justice League
อย่างที่เกริ่นไปในตอนต้นว่าหนังเสพได้ง่ายกว่าเรื่องที่ผ่านมา และไม่ได้ทำออกมาโดยคิดว่าคนดูคงไปตามคอมมิคมาแบบแฟนพันธุ์แท้อะไรขนาดนั้น หนังเรื่องนี้จึงเป็นเหมือนการเล่าเรื่อง เล่าที่มาที่ไปของตัวละครที่หลาย ๆ คนที่ไม่รู้และไม่ได้ติดตามได้รู้จักตัวละครนี้มากขึ้น แต่ถ้าเป็นคนที่ติดตามคอมมิคมาตั้งแต่ต้นมันอาจจะมีอีกหลาย ๆ อย่างที่พร้อมจะเซอร์ไพรส์คุณได้ทุกเมื่อ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่แนะนำให้อ่านคอมมิคมาก่อนก็ดีจะได้เก็ตในบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนในหนัง
สิ่งที่เราจะได้เห็นและได้สัมผัสในเรื่องนี้เลยตั้งแต่ตัวอย่างหนังออกมาคือความบู๊ล้างผลาญของไดอาน่า ปรินซ์ หรือเจ๊วันเดอร์วูแมนของเรา ยิ่งรวมกับ sound track ประกอบยิ่งทำให้ขนลุกและสัมผัสได้ถึงความฮึกเหิม ความทรงพลัง ความดุดันของตัวละครตัวนี้จริง ๆ ช็อตสโลว์โมชั่นที่ทำได้ดีและถูกจังหวะกว่าเรื่องที่ผ่าน ๆ มา ฉากต่อสู้ก็มันส์ใช้ได้ ความเข้าใจโลกทั้งในมุมมองของมนุษย์และเทพ พัฒนาการของตัวละครที่ได้เรียนรู้ผ่านโลก จากที่เคยเข้าใจว่ารู้มากพอกลับกลายเป็นว่าไม่รู้อะไรเลย การซ่อนตัวร้ายหลักของเรื่องไว้ในจุดที่คนไม่ค่อยคิดถึงกัน (มั้ง) แต่ก็มีหลาย ๆ คนที่เดาได้แหละ ในส่วนเนื้อเรื่องอย่างที่บอกไปแล้วมันคือเรื่องราวของไดอาน่า ปรินซ์ ก่อนจะมาเป็น wonder woman คนที่ไม่ได้ตามคอมมิคสามารถดูได้เลย สามารถอินไปกับตัวละครได้เลย ตัวหนังไม่ได้เครียดไปทั้งเรื่องแต่ก็ไม่ได้ฮามากเกินไป ทำออกมาได้พอดี ๆ และสามารถบิ้วอารมณ์ให้หลาย ๆ คนสามารถเข้าใจความรู้สึกของตัวละครในตอนนั้น ๆ ได้
ในส่วนที่ไม่ค่อยชอบในหนังรู้สึกไม่ค่อยบ่วงแห่งสัจจะอ่า มันดูลอย ๆ แล้วก็เหมือนพวกเลเซอร์เกินนนน ไม่เหมือนเชือก แต่มันอาจจะทำเพื่อให้สังเกตได้ง่ายแหละ แล้วก็บางช็อตที่ถ่ายหน้าตัวละครแบบนานไปนิดนะ ไม่รู้จะขยี้ทำไมนาน ๆ บางช็อตไม่จำเป็นต้องขยี้ขนาดนั้น การเรียนรู้พลังของไดอาน่ามันก็เร็วไปมาก จากตอนแรกยังดูเป็นคนปกติแต่มันเหมือน Up level ตัวเองเร็วเกิน ตัวร้ายอย่างแอเรียสเทพสงคราม บางทีตอนเปิดเผยตัวแล้วถ้าจะใส่เกราะอยากให้เหมือนในคอมมิคไปเลย ดูเท่ห์และดุดันกว่า อาจใส่พวกเอฟเฟคต์ที่ตาให้เหมือนมีไฟติดแบบอารมณ์แนว ๆ เทพด้านมืดอะไรงี้ไปเลย มันจะเท่ห์โคตร ๆ เลยนะ ความสัมพันธ์ตัวละครก็พัฒนาไปไวมากเกินไปนิด แต่ก็ยังพอรับได้ แต่ที่แบบรู้สึกไม่ชอบสุดคือฉากการปะทะกันของพี่น้องตระกูลชิมาดะเนี่ยแหละ ไม่ใช่!! แต่ก็ด้วยสเกลพลังของหนัง DC ที่นอกจากแบทแมนแล้วมันก็ไม่มีใครเป็นคนปกติเลยสักคน ก็น่าจะต้องประมาณนี้ แต่พอสู้จบ สงครามจบเลยเนี่ยนะ ความรู้สึกแบบ เห้ย เดี๊ยว เร็วไป ถึงจะมีการวางแผนสงบศึกแต่ก่อนหน้าจะจบสัก 20 นาทียังมีแผนไปทิ้งบอมบ์อยู่เลยนะเห้ย เลยขัดใจตรงส่วนนี้มาก ๆ
สำหรับหนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับหนัง DC เลยนะครับ เป็นหนังที่หลาย ๆ คนบอกว่าดีที่สุดในหนัง DC หลังรีบูทในขณะนี้ได้เลย แม้หลาย ๆ อย่างอาจจะไม่ลงตัว แต่ก็เป็นแค่ส่วนน้อย ๆ ของหนัง ที่คนดูอย่างผมอาจจะเรื่องมากไปเอง แต่ก็แนะนำเหมือนเดิมว่าควรไปดูและตัดสินด้วยตาตัวเอง นี่เป็นแค่ความเห็นหนึ่งของคนที่ไปดูมาแล้วมาบอกต่อเท่านั้น
หนังเรื่องนี้เหมาะสำหรับแฟนหนัง DC เป็นอย่างยิ่ง ถึงเวลาที่พวกคุณจะกลับมาผงาดและพูดได้อย่างเต็มปากว่า ถึงยุคของหนัง DC แล้ว เหมาะสำหรับคนชอบหนัง Action หนังรัก หนังชีวิต และหนังฮีโร่มาก ๆ เพราะคุณจะได้เห็นทุกอย่างในหนังเรื่องนี้ โดยส่วนตัวให้ 9/10 และหวังว่าทุกท่านคงชอบนะ
ปล. เครดิตขึ้นปุ๊บนึกว่าดู dr.strange
ปล.2 ไม่มี end credit นะ
ปล.3 ไม่มีมาร์ธาเช่นกัน
ปล.2 ไม่มี end credit นะ
ปล.3 ไม่มีมาร์ธาเช่นกัน
"มนุษย์ไม่ได้ดีไปหมดสิ่ง หรือเลวไปหมดทุกอย่าง ภายในแสงสว่างในใจของมนุษย์ก็มีความมืดอยู่เช่นกัน"
"ข้าเพียงแค่กระซิบบอกวิธีสร้างกับพวกเขา แต่ไม่ได้บอกให้พวกเขาใช้มัน"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น